ดูยังไง ชุดไหนกิโมโน หรือชุดไหนยูกาตะ

ชุดยูกาตะ ที่จริงแล้วเป็นรูปแบบหนึ่งของชุดกิโมโนแบบง่าย เพราะฉะนั้นถ้าเราจะแยกระหว่างชุดกิโมโนกับชุดยูกาตะแล้วล่ผะก็ มีวิธีดูได้ง่ายๆ ดังนี้




1. โอบิ (ผ้าคาดเอว) 

    ผ้าคาดเอวสำหรับชุดยูกาตะจะมักจะเป็น ผ้าโอบิแบบผูกเองได้ง่าย บางคนอาจจะรู้สึกว่าซื้อชุดยูกาตะไปแล้ว กลัวจะผูกผ้าคาดเอวเองไม่เป็น บอกเลยว่า ถ้าคุณผูกโบว์เป็น สำหรับชุดยูกาตะแล้วง่ายมาก แถมการผูกโอบิเอง จะทำให้โบว์นั้นดูสวยงามและเป็นธรรมชาติ 

   ผ้าคาดเอวหรือโอบิสำหรับยูกาตะม้กจะเป็นรูปโบว์ หรือไม่ต้องผูกซับซ้อน นั่นคือลักษณะพิเศษของชุดยูกาตะนั่นเอง

   สำหรับชุดกิโมโนแบบอื่นๆ จะเห็นว่าผ้าคาดเอวมีความอลังการหรือดูซับซ้อนกว่ามาก สำหรับชาวญี่ปุ่นเองแล้วถึงกับต้องไปเรียนรู้ หรือใช้ผู้เชี่ยวชาญสำหรับการสวมชุดกิโมโนโดยเฉพาะ


2.  รองเท้าเกี๊ยะไม้

    ปกติชุดยูกาตะจะใส่กับรองเท้าเกี๊ยะไม้ โดยไม่ต้องใส่ถุงเท้า เพราะเป็นชุดลำลองแบบหนึ่ง แต่ถ้าเป็นฤดูหนาวหรืออากาศเย็นก็สามารถใส่ได้เช่นกัน แต่สำหรับชุดกิโมโนจะต้องใส่ถุงเท้ากับรองเท้าสำหรับกิโมโนแบบผ้าหรือที่เรียกว่ารองเท้าโซริ ซึ่งเป็นรองเท้าแบบผ้าหรือที่เย็บทับด้วยผ้าเพื่อให้ดูเป็นทางการมากขึ้นกว่ารองเท้าเกี๊ยะไม้


3. อื่นๆ 

    นอกจากโอบิ และถุงเท้า ซึ่งทำให้เห็นความแตกต่างระหว่างกิโมโนและยูกาตะได้ง่ายแล้ว ถ้าจะลงรายละเอียดลงไป ก็จะดูที่ เนื้อผ้า ซึ่งมีซับในและมีความหนากว่าชุดยูกาตะ ชุดยูกาตะมักจะเป็นผ้าที่ดูบางกว่าเพราะต้องการระบายความร้อนได้ดีกว่า สามารถใส่ในชีวิตประจำวันทำกิจกรรมหลายๆอย่างได้

   ปกคอ ชุดกิโมโน จะมีปกคอสองชั้น คือชั้นที่เป็นปกคอของชุดรองด้านใน (ส่วนใหญ่เป็นสีขาว หรืออาจเป็นลวดลายเล็กน้อย ) และปกด้านในจะเป็นของชุดกิโมโน การที่ต้องมีปกคอสองชั้นเพราะก่อนสวมชุดกิโมโนจะมีชุดรองซับในก่อน ซึ่งชุดรองซับในนั้นมีหน้าที่เตรียมให้ชุดกิโมโนที่สวมใส่มีความสวยงาม เพราะถ้าใส่ชุดรองซับเบี้ยว ก็จะทำให้ชุดกิโมโนเบี้ยวไม่สวยงามนั่นเอง จึงมีคำกล่าวว่า ชุดรองซับกิโมโนนั้นเป็นสำคัญ และต้องใส่อย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ชุดกิโมโนที่สวมทับนั้นไม่เคลื่อนและดูสวยงามตลอดเวลา